ประเทศไทยมีอัตราผู้ป่วย ‘โรคสมองเสื่อม’ ไม่น้อยกว่า 600,000 คน พบมากในผู้สูงวัยที่มีอายุ 85 ปีโดยเฉลี่ย ซึ่งจะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคสมองเสื่อมมากถึง 30% หรือที่เรารู้จักกันอีกชื่อคือ ‘โรคอัลไซเมอร์’ เกิดจากความบกพร่องของสมอง ส่งผลให้การรับรู้และเข้าใจลดลง รวมถึงด้านความจำ ภาษาและสมาธิ
‘ขี้ลืม’ ไม่ได้แปลว่าเป็น ‘โรคสมองเสื่อม’ เสมอไป
การหลง ๆ ลืม ๆ ในคนแก่ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ได้หมายความว่าเกิดจากภาวะบกพร่องทางเสมอไป เพราะในผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขี้นไป สมองจึงถดถอยไปตามวัย จึงทำให้อาการที่เกิดขึ้นคือการหลงลืมตามวัยโดยทั่วไป
ภาวะหลงลืมตามวัย – จะมีอาการคิดช้า ตัดสินใจช้า หลงลืมบางสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ที่จอดรถในห้าง กุญแจบ้าน แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะสามารถจำรายละเอียดได้เอง และยังเป็นบุคคลที่สามารถช่วยเหลือกิจวัตรประจำวันของตัวเองได้
หลงลืมแบบเข้าข่ายอัลไซเมอร์ – จะเป็นการลืมที่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก ลืมแม้กระทั่งทักษะในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ลืมว่าต้องขับรถอย่างไร ใช้ฟักบัวไม่เป็น ทำให้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

สาเหตุของโรค
เกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน
- สมองเสื่อมจากการแก่ตัวลง มักพบในผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
- เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ หลอดเลือดเส้นเล็ก ๆ อุดตันซ้ำ ๆ มานาน ทำให้เซลล์สมองตาย ทำให้สมรรถภาพการทำงานของสมองเสื่อมไปในที่สุด
- เกิดภาวะเลือดคลั่งในสมองหรือมีเนื้องอกในสมอง บางรายสามารถรักษาให้หายได้โดยการผ่าตัด
- เกิดจากโรคติดเชื้อที่มีผลทางสมอง เช่น ซิฟิลิส ไวรัสสมองอักเสบ ไวรัสเอดส์
- สมองเสื่อมจากการติดสุราเรื้อรังนาน ๆ
- ผลกระทบจากการขาดออกซิเจน มีอาการชักติดต่อกันเป็นเวลานาน น้ำตาลในเลือดต่ำ

อาการของโรคสมองเสื่อมแบ่งตามระยะ
อาการของโรคดีจะดำเนินไปอย่างช้า ๆ โดยเริ่มแรกอาจไม่ได้แสดงอาการอะไรจนจับสังเกตได้ และค่อย ๆ มีความเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย จิตใจและอารมณ์ไปทีละนิด
ระยะแรก – จะมีปัญหาด้านความจำจนสามารถรู้สึกได้ มักถามและพูดซ้ำ ๆ ในเรื่องเดิม ๆ สับสนทิศทาง อารมณ์เสียง่าย เครียดและซึมเศร้า
ระยะกลาง – ปัญหาด้านความจำจะแย่ลงเรื่อย ๆ พฤติกรรมเปลี่ยนไปจนคนรอบตัวสังเกตได้ ฉุนเฉียว ก้าวร้าว พูดจาหยาบคาย มักทำอะไรไม่มีเหตุผล เช่น อยู่ ๆ ก็เดินออกจากบ้านโดยไม่มีจุดหมาย
ระยะสุดท้าย – ผู้ป่วยจะตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างน้อยลง สุขภาพทรุดโทรม รับประทานได้น้อย เคลื่อนไหวน้อยหรือไม่เคลื่อนไหวเลย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้คล้ายผู้ป่วยติดเตียง จนทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต
ผลกระทบของโรคต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
นอกจากเรื่องความจำ สมาธิ การตัดสินใจที่แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้นาน ๆ ความสามารถในการสื่อสารลดน้อยลง ไม่เข้าใจประโยคยาก ๆ รวมถึงกิจวัตรประจำวันที่ต้องอาศัยทักษะอย่างการขับรถ ก็ไม่สามารถขับขี่ได้ ทั้งยังส่งผลด้านการเคลื่อนไหว การรับรู้ ที่ค่อย ๆ เสื่อมลง รวมถึงหลงลืมทิศทาง เวลา
และอาการเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ในตัวผู้ป่วยเท่าไหร่ แต่ยังส่งผลต่อผู้ใกล้ชิดที่มีหน้าที่ดูแล ก่อให้เกิดความเหนื่อยล้า เครียด หงุดหงิด ซึมเศร้า อาจทำให้ผู้ดูแลประสบปัญหาด้านจิตใจ

การเตรียมร่างกาย ป้องกันโรคสมองเสื่อมตั้งแต่เนิ่น ๆ
- หลีกเลี่ยงยาหรือสารที่เป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายต่อสมอง เช่น แอลกอฮอล์ การรับประทานยาโดยไม่จำเป็น
- ฝึกฝนสมองเป็นประจำ ฝึกให้สมองได้คิดบ่อย ๆ เช่น อ่านหนังสือ คิดเลข เล่นเกมตอบปัญหา คิดวิเคราะห์บ่อย ๆ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
- ควรตรวจสุขภาพประจำปี ถ้ามีโรคประจำตัวควรจะมีการติดตามการรักษาเป็นระยะ
- ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุที่อาจมีผลต่อสมอง เช่น เรื่องการหกล้ม
ดังนั้นถ้าสังเกตได้ว่าผู้สูงอายุที่อยู่ใกล้ชิดเริ่มมีสัญญาณของอาการที่กล่าวไปข้างต้น แม้จะเป็นเพียงข้อในข้อหนึ่ง ควรจะพบแพทย์เพื่อปรึกษา ทำการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ เพื่อทำการป้องกัน รักษา ไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรงต่อร่างกายในอนาคต