“ภาวะซึมเศร้า” กับ “ผู้สูงอายุ” เป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม คนวัย 60+ รวมถึงลูกหลานควรเตรียมตัวรับมือกับภาวะนี้ไว้ เพราะตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมางานวิจัยจาก วลัยพร นันท์ศุภวัฒน์ และคณะ ที่บ่งชี้ว่าผู้สูงอายุร้อยละ 72.3 มีภาวะซึมเศร้า ถือเป็น 3 ใน 4 ของผู้สูงอายุในสังคมไทย และภาวะซึมเศร้าในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปพบได้มากถึงร้อยละ 10 – 20 พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และยิ่งมีอายุมาก ความเสี่ยงยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงวัยมีอาการซึมเศร้า
ด้านจิตใจ

- เกิดจากเหตุการณ์ร้ายแรงกระทบกระเทือนความรู้สึก เช่น การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ประสบโรคร้ายแรง ประสบปัญหาด้านการเงินหรือจากความเครียดที่สั่งสมมานาน
- ต้องการความสนใจ ขาดการดูแลเอาใจใส่จากคนรอบข้างและครอบครัว
ด้านร่างกาย

- ผลจากสารเคมีในสมอง โดยในสมองจะมีสารเคมีที่เรียกว่าเซโรโทนินและนอร์เอพิเนฟริน เมื่อสารเคมีข้างต้นลดจำนวนน้อยลงจากเดิม ทำให้สมดุลของสารเคมีในร้านกายเปลี่ยนแปลงไปและความบกพร่องในการทำงานร่วมกัน ส่งผลต่ออารมณ์และความคิด
- กรรมพันธุ์ ถ้าคนในครอบครัวเคยป่วยด้วยโรคซึมเศร้ามาก่อน อาจมีความเสี่ยงที่ส่งต่อมาทางกรรมพันธุ์ได้เช่นกัน
- โรคทางสมองที่มีความเสี่ยงให้เกิดภาวะซึมเศร้า เช่น ภาวะสมองเสื่อม หลอดเลือดสมองอุดตัน
อาการซึมเศร้าในผู้สูงอายุ ต้องสังเกตอะไรบ้าง

1.นิ่งกว่าปกติ พูดน้อย ไม่ร่าเริง
2.รับประทานน้อยลงหรือแทบไม่กินอะไรเลย จนกระทั่งน้ำหนักลด ร่างกายซูบผอม
3.ไม่ยอมทำอะไร เฉื่อยชา แม้กระทั่งกิจกรรมที่ชอบทำเป็นประจำ
4.นอนเยอะผิดปกติ หงุดหงิดเมื่อถูกปลุกขึ้นมา
5.อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย อารมณ์ไม่คงที่
6.บ่นว่าตนเองเป็นภาระของลูกหลานบ่อย ๆ
การรักษาภาวะซึมเศร้าในผู้สูงวัย
เนื่องจากสาเหตุของภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลทางจิตเวชโดยตรง หรือสาเหตุทางด้านร่างกาย จิตใจ สำหรับแนวทางการรักษาที่ถูกต้องควรปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เพื่อให้คำปรึกษา บำบัดจิต ปรับวิธีคิดและเปลี่ยนทัศนคติทางลบให้ดีขึ้น
ในขณะเดียวกันคนรอบตัวและลูกหลานก็ต้องทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผู้สูงวัยเผชิญอยู่ เอาใจใส่มากขึ้น ชวนพูดคุยและรับฟัง ไม่ทิ้งผู้สูงอายุไว้ลำพัง และอย่าลืมพามาพบแพทย์สม่ำเสมอ